Author: Kittin Assavavichai

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – กุมภาพันธ์ 2567 – ศิลาดลซึ่งขึ้นชื่อในด้านอาหารไทยเลิศรส เชิญชวนนักชิมมาร่วมสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยเมนูใหม่ล่าสุดอย่าง Celadon Tasting Menu ซึ่งคัดสรรโดยเชฟโรซาริน (ริน) ผู้เป็นที่นับถือ ด้วยแรงบันดาลใจจากประเพณีการทำอาหารไทย เชฟรินและทีมงานที่ทุ่มเทของเธอได้รังสรรค์เมนูอาหาร 7 คอร์สอย่างพิถีพิถัน ซึ่งออกแบบมาเพื่อนำเสนอรสชาติที่หลากหลายและอาหารประจำภูมิภาคของประเทศไทย จากป่าอันเขียวชอุ่มของเชียงรายไปจนถึงถนนที่พลุกพล่านในกรุงเทพฯ แต่ละจานถือเป็นการเฉลิมฉลองการปรุงอาหารไทยแท้ที่บ้านอย่างดีที่สุด ราคาเพียง 2,800++ บาทต่อท่าน เมนูอาหารเต็มอิ่มมีหลากหลายเมนูชวนน้ำลายสอ ได้แก่: หมูหมักปูม้า ข้าวเหนียวกระเทียม ขิง หอมแดง พริก และถั่วลิสงแกงมัสมั่นเนื้อพัฟทองอกเป็ดรมควันสไตล์เชียงรายพริกแห้งสมุนไพรหอมแกงจืดปลาหางเหลืองพร้อมหอมแดงคั่ว กระเทียม มะม่วงเขียว ขมิ้น และน้ำส้มมะพร้าวกุ้งแม่น้ำย่างกับน้ำจิ้มมะขามกุ้งและผักกรุบกรอบแกงป่าไก่ปลอดสารพร้อมพริก ตะไคร้ และกระวานสดกะลามะพร้าวกรอบกับแยมมะกรูดและเชอร์เบทกะทิชะมด เมื่อพูดถึงเมนูนี้ เชฟรินได้แสดงออกถึงความหลงใหลในการรักษาเอกลักษณ์ของอาหารไทยพร้อมทั้งเพิ่มความสร้างสรรค์ในตัวเอง “ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีในฐานะเชฟชาวไทย ฉันมุ่งมั่นที่จะรักษารสชาติดั้งเดิมและสูตรดั้งเดิมที่หาได้ยากจากที่อื่น” เธอเล่า เกิดและเติบโตในประเทศไทย เส้นทางการทำอาหารของเชฟรินเริ่มต้นภายใต้การแนะนำของคุณยายของเธอ ทั้งเชฟชาวไทยและนักทำขนมที่นับถือ เธอฝึกฝนทักษะของเธอที่เดอะ รีเจนท์ กรุงเทพฯ และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าเชฟที่ร้านอาหารสยามเฮาส์อันโด่งดังและมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ก่อนที่จะมาร่วมงานกับโรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ สำรองที่นั่งและสอบถามข้อมูล กรุณาติดต่อโรงแรมสุโขทัยกรุงเทพที่ +66 (0) 2344 8888 แอดไลน์ @sukhothaibangkok (มี @) หรืออีเมลโปรโมชั่น@sukhothai.com อย่าพลาดโอกาสที่จะเริ่มต้นการผจญภัยด้านอาหารอันน่าจดจำด้วยเมนูชิมใหม่ของศิลาดล ซึ่งทุกจานบอกเล่าเรื่องราวของมรดกทางอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย เกี่ยวกับศิลาดล: ศิลาดลเป็นร้านอาหารไทยชั้นนำซึ่งตั้งอยู่ที่โรงแรมสุโขทัยกรุงเทพฯ นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งเฉลิมฉลองแก่นแท้ของอาหารไทย นำโดยเชฟโรซาริน (ริน) ศิลาดลมีชื่อเสียงในด้านความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เอกลักษณ์และนวัตกรรมในศิลปะการทำอาหารไทย

Read More

มารี กีมาร์ ขอแนะนำเมนูต้อนรับฤดูร้อนกับข้าวแช่ตำรับ ‘มารี กีมาร์’ ๒๕๖๗ รังสรรค์โดย ‘เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์’ ที่จะนำพาทุกท่านได้สัมผัสรสชาติอันปราณีต และสัมผัสความดั้งเดิมของอาหารไทยโบราณที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น ต้อนรับฤดูร้อนด้วยเมนูสุดพิเศษกับข้าวแช่ตำรับ ‘มารี กีมาร์’ ๒๕๖๗ ที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่จาก ‘เชฟปิ๊ก’ เชฟรุ่นใหม่หัวใจโบราณ ซึ่งจะนำพาทุกท่านได้สัมผัสกับรสชาติโบราณแท้ ๆ ที่หาทานได้ยาก พร้อมให้ลิ้มรสชาติอันวิจิตร ตราตรึงใจของข้าวแช่ หนึ่งในเมนูอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านมารี กีมาร์ อีกทั้งยังปราณีตบรรจงในทุกขั้นตอนการทำ และการเสิร์ฟของร้านมารี กีมาร์จะเสริร์ฟให้ได้ลิ้มรสชาติทั้งหมด ๓ สำรับ ได้แก่ สำรับแรก: ‘แตงโมหน้าปลาแห้ง’ ของว่างคลายร้อนที่ขึ้นชื่อมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยต้องเลือกแตงโมเนื้อดี มีรสชาติหวานเพื่อรับประทานคู่กับปลาแห้ง โดยเราคัดสรรแตงโมมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี และใช้ปลาช่อนแดดเดียวจากจังหวัด สิงห์บุรี นำปลามาย่างด้วยเตาถ่าน ก่อนโขลกให้ฟู และนำขึ้นผัดให้แห้ง ปรุงรสด้วยน้ำตาลดอกมะพร้าวจากจังหวัดสมุทรสงคราม ดอกเกลือ และหอมเจียว สำรับที่สอง: ‘ชุดข้าวแช่’ ที่ประกอบด้วยเครื่องเคียง ๘ อย่าง อันได้แก่ ๑. ลูกกะปิหอมชุบไข่ทอด รับประทานพร้อมกับกระชายอ่อนที่สลักเป็นดอกจำปาเหลืองนวล ลูกกะปิในปีนี้มีความพิเศษกว่าปีก่อนเนื้อนุ่มและละมุนขึ้นมีความหวานกว่าของเดิม โดยเชฟได้เพิ่มเนื้อปลาช่อนเข้าไป สำหรับกะปิที่นี่หอมเค็มกลมกล่อมกำลังดี ใช้กะปิจากระนอง ที่โขลกกะปิ ตะไคร้ กระชาย หัวหอม กะทิ ปั้นเป็นก้อนพอดีคำชุบไข่กับแป้งทอดให้เหลืองและเทคเจอร์เข้ากันอย่างลงตัว ๒. หอมแดงสอดไส้ปลา หอมแดงสอดไส้ปลาแห้ง หอมแดงเป็นหอมแดงจากจังหวัดสุรินทร์ เป็นหอมแดงที่สอดไส้ปลาแห้ง ก่อนนำมาชุบไข่และแป้งลงทอด ๓.พริกชี้ฟ้าแห้งสอดไส้ปลา ๔. พริกหยวกไส้หมูผัดกุ้งห่อไข่ อันเป็น เอกลักษณ์ของ มารี กีมาร์ ที่หมูเมื่อผัดกับกุ้ง จะมีเนื้อที่ร่วนหอม พริกหยวกสอดไส้ ไข่ที่ห่อพริกหยวกเชฟจะทอดจนกรอบเป็นตาข่ายสวยงาม นำพริกหยวกมาคว้านเมล็ดยัดไส้หมูสับปรุงรสแล้วนำไปนึ่ง ก่อนห่อด้วยไข่ตาข่าย ๕. ปลาช่อนแดดเดียวฉาบ ๖. หัวไชโป๊วซอยเป็นเส้นและนำมาผัดกับน้ำมันหมูให้มีรสชาติหวานอ่อนๆ หัวไชโป๊วหอมผัดน้ำมันหมู นำหัวไชโป้วเจ้าดังจากราชบุรีไปผัดกับน้ำตาลมะพร้าว ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ผัดจนกระทั่งได้เส้นหัวไชโป้วที่มีความวาวใส สวยงาม กรุบกรึบ ๗. หมูฝอยกรอบทอด สด ใหม่ ๘. ไข่เค็มซุปแป้งทอด…

Read More

 มีคำกล่าวมากมายเกี่ยวกับบ้าน บ้านคือพื้นที่แห่งชีวิต คือหัวใจและจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ดั่งพันธุ์ไม้อันอุดมสมบูรณ์ และยิ่งไปกว่านั้น บ้านคือพื้นที่แห่งการดำรงชีวิต อันเผยถึงรสนิยม..    แบรนด์ SIRIVANNAVARI นำเสนอ SIRIVANNAVARI MAISON เป็นครั้งแรกในปี 2010 เพื่อถ่ายทอดนิยามแห่งการใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะ คำว่า ‘เมซง’ (Maison) หรือ ‘บ้าน’  ในภาษาฝรั่งเศส คือ พื้นที่แห่งรสนิยมและความคิดสร้างสรรค์ของผู้เป็นเจ้าของ ที่รอเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือน ให้ได้สัมผัสกับศิลปะผ่านทุกท่วงทำนองแห่งการใช้ชีวิต ส่วน ‘Fleur’ หมายถึง ‘ดอกไม้’ ที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเรา ในปี 2024 ดอกไม้นั้นได้ผลิบานไปสู่การสร้างสรรค์คอลเลคชั่น ‘Maison des Fleurs’ จาก SIRIVANNAVARI Maison ซึ่งประกอบด้วยชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร และเครื่องหอมในบ้าน จัดทำขึ้นในแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น รังสรรค์จากเซรามิคโบนไชน่า (Bone China) ที่มีความประณีต คุณภาพระดับพรีเมี่ยม เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารอันหรูหราไปอีกขั้น โดยความพิเศษสุดอยู่ที่ลายพิมพ์ภาพวาดฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ (Creative Director) แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ซึ่งวางลายประทับอย่างวิจิตรบรรจง ลงบนชุดเครื่องใช้ ได้แก่ จานอาหาร 3 ขนาด, แก้ว mug, แก้วช็อต Espresso และแก้วชา พร้อมจานรอง  นอกจากนี้มีเทียนหอมในแก้วเซรามิคและ Diffuser ในขวดแก้ว ที่ตกแต่งด้วยพู่ประดับอันงดงาม สำหรับกลิ่นหอมมี 4 กลิ่น คือ Rosé, Romantic Peach, Lavender Breeze และ Jardin Secret ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศอันหรูหราภายในบ้าน ผ่อนคลาย และหวนรำลึกถึงความทรงจำอันมีค่าในทุกช่วงจังหวะชีวิต  วางจำหน่ายในกล่องหรูหรา พร้อมมอบเป็นของขวัญในทุกวาระพิเศษ หรือเติมความรื่นรมย์ให้กับโต๊ะอาหารสุดหรู และในทุกมุมของบ้าน  ลวดลายบนทุกผลิตภัณฑ์ชุดพิเศษนี้  ตกแต่งด้วยลวดลายในโทนสีฟ้า ตัดกับเซรามิคโบนไชน่าสีขาวงาช้าง ประณีตเงางาม  และแต้มด้วยสีทองอันเลอค่า…

Read More

อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผนึก เชลล์ชวนชิม สัญลักษณ์แห่งความอร่อยที่เข้าใจรสชาติของคนไทยอย่างยาวนานกว่า 62 ปี เปิดบิ๊กอีเวนต์ “อิมแพ็ค x เชลล์ชวนชิม” จัดเต็ม 50 ร้านเด็ดสุดฟิน เสิร์ฟความอร่อยถึง 10 วัน รวมสตรีทฟู้ดร้านดังทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.-7 เม.ย.67 ณ ลานหน้า อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี คาดมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 100,000 คน             นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า อาหารไทยถือเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติที่สร้างชื่อให้ประเทศไทย โดยเฉพาะร้านอาหารกลุ่มสตรีทฟู้ด (Street Food) ที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งในไทยมีสัญลักษณ์แห่งความอร่อยที่เข้าใจรสชาติของคนไทยอย่างยาวนานกว่า 62 ปี ภายใต้ชื่อ เชลล์ชวนชิม ถือเป็นเครื่องหมายที่นักชิม และผู้ชื่นชอบการรับประทานอาหารให้การยอมรับและเชื่อมั่นในร้านอาหารที่ได้รับเครื่องหมายนี้             ปัจจุบันมีร้านอาหารที่ได้รับเครื่องหมาย เชลล์ชวนชิม ในหลากหลายประเภท อาทิ ร้านอาหารไทย ร้านอาหารนานาชาติ ร้านอาหารจีน คาเฟ่ขนมหวาน เป็นต้น ซึ่งผู้บริโภคอาจจะไม่มีโอกาสสัมผัสรสชาติความอร่อยของทุกร้านได้หมด เนื่องจากมีจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศ   ดังนั้น อิมแพ็ค เมืองทองธานี จึงได้จับมือร่วมกับ เชลล์ชวนชิม จัดงาน “อิมแพ็ค x เชลล์ชวนชิม” จัดเต็ม 50 ร้านเด็ดสุดฟิน เสิร์ฟความอร่อย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารและสร้างประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ให้ได้สัมผัสวัฒนธรรมทางอาหารที่หลากหลาย รวมถึง สตรีทฟู้ด อันเป็นเอกลักษณ์ของไทย  ด้วยการรวบรวมร้านเด็ดร้านดังจาก 50 ร้านทั่วประเทศ มาเสิร์ฟเมนูความอร่อย ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม -7 เมษายน 2567 ณ ลานหน้า อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 100,000 คน ตลอดระยะเวลา 10 วันของการจัดงาน ขณะเดียวกันการจัดงานนี้ถือเป็นอีเวนต์ที่ดีต่อโลก โดยมีแนวทางบริหารจัดการขยะ เศษอาหารที่ได้มาตรฐานและสร้างการมีส่วนร่วมให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน พร้อมปลูกฝังพฤติกรรมการแยกขยะ ซึ่งเศษอาหารที่เหลือจากการจัดงาน จะถูกแปลงเป็นปุ๋ย ด้วยเครื่องย่อยอาหาร (Food Waste Composer) เพื่อย่อยสลายขยะอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์และนำไปใช้บำรุงต้นไม้โดยรอบพื้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีต่อไป นางสาวอรอุทัย ณ เชียงใหม่…

Read More

โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งมื้ออาหารชั้นเลิศ ที่ทางโรงแรมได้ร่วมมือกับ โรงแรมไอคอน ฮ่องกง (Hotel ICON) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านอาหารมื้อพิเศษที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดยเชฟมากประสบการณ์ ณ ห้องอาหารไบยุน โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ และเทศกาลอาหารไทย ณ  ห้องอาหารเดอะมาเก็ต (The Market) โรงแรมไอคอน ฮ่องกง การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมแห่งมื้ออาหารนี้เริ่มต้นด้วยเทศกาลอาหารไทย (Thai Food Influence Festival)  ซึ่งเป็นการร่วมสร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษระหว่างเชฟเรณู หัวหน้าเชฟอาหารไทย จากโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ และ เชฟ แดนนี่ โฮ (Danny Ho) เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ (Executive Chef) จากโรงแรมไอคอน ฮ่องกง โดยมีการเลือกสรรเมนูอาหารไทยทางภาคเหนือหลายหลายเมนูมานำเสนอในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ ณ ห้องอาหารเดอะมาเก็ต ให้แขกทุกท่านได้ร่วมสัมผัสกลิ่นอายความเป็นไทยไปด้วยกัน ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม – 30 เมษายน 2567 ณ โรงแรมไอคอน ฮ่องกง ในส่วนของห้องอาหารไบยุน ขอนำเสนอ “4-Hand Symphony of Cantonese Flavours” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 22 มีนาคม 2567 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างเชฟชิ คิ หว่อง (Chi Ki Wong) ที่บินลัดฟ้ามาจากห้องอาหารอะโบฟ แอนด์ บียอนด์ (Above & Beyond) โรงแรมไอคอน ฮ่องกง และเชฟไซม่อน จากห้องอาหารไบยุน โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ผู้คร่ำหวอดในการทำอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งที่จะมาร่วมรังสรรค์ชุดเมนูสุดพิเศษทั้ง 8 คอร์ส ซึ่งเป็นการผสมผสานเทคนิคการทำอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งแบบต้นตำรับสอดแทรกด้วยกลิ่นอายความเป็นไทยที่ลงตัว หลังสิ้นสุดโปรโมชั่น ณ กรุงเทพมหานคร เชฟหว่อง และ เชฟไซม่อน จะเดินทางต่อไปยังจังหวัดภูเก็ตเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์เมนูอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งเหนือระดับ เปิดประสบการณ์ดินเนอร์สุดพิเศษแก่ชาวภูเก็ตเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 – 28 มีนาคม 2567 ณ ห้องอาหารเวญ่า (Veya) ซึ่งโดดเด่นในการนำเสนออาหารเอเชียหลากหลายชนิด ทั้งยังให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศอีกด้วย ด้วยความเชี่ยวชาญในการทำเมนูอาหารจีนมากว่า 20 ปี เชฟหว่อง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ (Executive Chef) ประจำห้องอาหาร Above & Beyond  ห้องอาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง…

Read More

มารี กีมาร์ ขอแนะนำเมนูต้อนรับฤดูร้อนกับข้าวแช่ตำรับ ‘มารี กีมาร์’ ๒๕๖๗ รังสรรค์โดย ‘เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์’ ที่จะนำพาทุกท่านได้สัมผัสรสชาติอันปราณีต และสัมผัสความดั้งเดิมของอาหารไทยโบราณที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น ต้อนรับฤดูร้อนด้วยเมนูสุดพิเศษกับข้าวแช่ตำรับ ‘มารี กีมาร์’ ๒๕๖๗ ที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่จาก ‘เชฟปิ๊ก’ เชฟรุ่นใหม่หัวใจโบราณ ซึ่งจะนำพาทุกท่านได้สัมผัสกับรสชาติโบราณแท้ ๆ ที่หาทานได้ยาก พร้อมให้ลิ้มรสชาติอันวิจิตร ตราตรึงใจของข้าวแช่ หนึ่งในเมนูอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านมารี กีมาร์ อีกทั้งยังปราณีตบรรจงในทุกขั้นตอนการทำ และการเสิร์ฟของร้านมารี กีมาร์จะเสริร์ฟให้ได้ลิ้มรสชาติทั้งหมด ๓ สำรับ ได้แก่ สำรับแรก: ‘แตงโมหน้าปลาแห้ง’ ของว่างคลายร้อนที่ขึ้นชื่อมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยต้องเลือกแตงโมเนื้อดี มีรสชาติหวานเพื่อรับประทานคู่กับปลาแห้ง โดยเราคัดสรรแตงโมมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี และใช้ปลาช่อนแดดเดียวจากจังหวัด สิงห์บุรี นำปลามาย่างด้วยเตาถ่าน ก่อนโขลกให้ฟู และนำขึ้นผัดให้แห้ง ปรุงรสด้วยน้ำตาลดอกมะพร้าวจากจังหวัดสมุทรสงคราม ดอกเกลือ และหอมเจียว สำรับที่สอง: ‘ชุดข้าวแช่’ ที่ประกอบด้วยเครื่องเคียง ๘ อย่าง อันได้แก่ ๑. ลูกกะปิหอมชุบไข่ทอด รับประทานพร้อมกับกระชายอ่อนที่สลักเป็นดอกจำปาเหลืองนวล ๒. หอมแดงสอดไส้ปลา ๓.พริกชี้ฟ้าแห้งสอดไส้ปลา ๔. พริกหยวกไส้หมูผัดกุ้งห่อไข่ อันเป็น เอกลักษณ์ของ มารี กีมาร์ ที่หมูเมื่อผัดกับกุ้ง จะมีเนื้อที่ร่วนหอม ๕. ปลาช่อนแดดเดียวฉาบ ๖. หัวไชโป๊วซอยเป็นเส้นและนำมาผัดกับน้ำมันหมูให้มีรสชาติหวานอ่อนๆ ๗. หมูฝอยกรอบทอด สด ใหม่ ๘. ไข่เค็มซุปแป้งทอด ทานแนมด้วย มะม่วงเขียวเสวย ต้นหอมกระชายอ่อน และแตงกวา สำหรับน้ำข้าวแช่ เชฟปี๊กเลือกใช้เป็น “น้ำแร่” จากอำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นแหล่งน้ำแร่ที่มีอายุเก่าแก่ นำมาต้มสุก และทิ้งไว้ให้เย็นในโอ่งดิน ก่อนนำมาลอยด้วยดอกไม้หอม ๔ ชนิด ทั้งชมนาด กระดังงาสงขลา กุหลาบมอญสีชมพู และ ดอกมะลิตูม หลังจากนั้นก็ทำการอบควันเทียนให้หอม สำหรับตัวข้าวนั้น เชฟปี๊กรังสรรค์เลือกใช้ข้าวเจ๊กเชย จากจังหวัดสระบุรี…

Read More

เคทีซีตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีบัตรเครดิต เปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัล” ครั้งแรกในไทยกับนวัตกรรมความปลอดภัยขั้นกว่าทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ เอาใจสมาชิกสายออนไลน์ด้วยฟีเจอร์ Digital First และ Dynamic CVV เปิดให้สมาชิกเลือกรับบัตรพลาสติกใสไม่มีหมายเลขบนหน้าบัตรและแถบแม่เหล็ก ไร้กังวลจากการถูกโจรกรรมข้อมูลสำคัญ พร้อมพัฒนาช่องทางสมัครบัตรฯ ด้วยตัวเองผ่านแอป KTC Mobile และช่องทางออนไลน์ มั่นใจสิ้นปีมีจำนวนสมาชิกถือบัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัลไม่ต่ำกว่า 100,000 ใบ นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี”หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการศึกษาพฤติกรรมสมาชิกพบว่ามีการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์สูงขึ้นทุกปีและคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสัดส่วนจำนวนรายการใช้จ่ายออนไลน์ทั้งสิ้นประมาณ 55% ของยอดรายการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ทั้งพอร์ต และสิ่งที่เป็นกังวลที่สุดของสมาชิกคือเรื่องความปลอดภัยในการใช้บัตรฯ ที่สมาชิกต้องกรอกข้อมูลสำคัญบนหน้าบัตรฯ ให้กับร้านค้าออนไลน์ หรือเมื่อต้องยื่นบัตรฯ ให้กับร้านค้ากรณีชำระค่าสินค้าและบริการ เพื่อให้สมาชิกผู้ถือบัตรฯ รู้สึกปลอดภัยเมื่อมีการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เคทีซีจึงได้เปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัล” (KTC DIGITAL CREDIT CARD) นวัตกรรมของความปลอดภัยขั้นกว่าครั้งแรกในประเทศไทยด้วย 3 จุดเด่น ดังนี้ 1) Digital First สมาชิกสามารถใช้จ่ายได้ทันทีหลังได้รับการอนุมัติกับการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการสแกนจ่ายด้วย QR Pay และผูกบัตรฯ กับระบบชำระเงินบนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น กูเกิล เพย์ (Google Pay) หรือสวอทช์ เพย์ (Swatch Pay) เป็นต้น 2) Dynamic CVVตัวเลขหลังบัตรฯ ที่เป็นรหัสความปลอดภัย จะเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่มีการร้องขอ และสามารถใช้งานได้ภายใน 24 ชั่วโมงต่อการขอ 1 ครั้ง (ไม่จำกัดจำนวนการขอ) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกเมื่อใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์หรือผูกบัตรฯ ที่ร้านค้าออนไลน์ ด้วยเลขหลังบัตร (CVV) เพื่อยืนยันการชำระค่าสินค้าหรือบริการ 3) Numberless Card บัตรพลาสติกใสโปร่งแสง ไม่มีหมายเลขบนหน้าบัตร และไร้แถบแม่เหล็ก เพื่อเสริมความปลอดภัยเมื่อสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ร้านค้าทั่วไป โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวบนหน้าบัตรฯ ขณะที่นางสาวสุชชวี บรรจบดี ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดดิจิทัล“เคทีซี”หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี ดิจิทัล” ในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับสมาชิก ด้วยจุดเด่นความเป็น Digital First จึงสามารถตอบโจทย์สมาชิกที่นิยมใช้จ่ายออนไลน์ด้วยความปลอดภัยขั้นสุด แต่หากสมาชิกต้องการบัตรพลาสติกก็สามารถแสดงความประสงค์ขอรับบัตรฯ ผ่านแอป KTC Mobile ได้ด้วยตนเอง ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่โหลดแอป KTC Mobile ทั้งสิ้น ประมาณ…

Read More

การผจญภัยครั้งใหม่ของการร่วมมือทางอาหารกำลังจะเกิดขึ้น ขอเชิญคุณมาเปิดประสบการณ์การรับประทาน 4 Hands Dinner 5-คอร์สรังสรรค์โดยเชฟจิมมี่ จากห้องอาหารชาร์ และเชฟอลัน บีฉวง เอ็กเซคคูทีฟจากห้องอาหารยู่ เหย เป่า ที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้ การร่วมมือสุดพิเศษนี้จัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 29 กุมภาพันธ์ – วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2567 ที่ห้องอาหารชาร์ โรงแรมอินดิโก้ กรุงเทพ ถนนวิทยุ ค้นพบศาสตร์การทำอาหารที่จะพาคุณไปพบกับรสชาติอันแปลกใหม่ที่ไม่คาดคิดแต่ลงตัวจากวัตถุดิบที่คุณคุ้นเคย ระหว่างการผสมผสานอาหารจีนสไตล์โมเดิร์น เข้าถึงง่ายของเชฟอลัน บีฉวง และอาหารละตินสุดครีเอทีฟในสไตล์ของเชฟจิมมี่ พร้อมกับการถ่ายทอดเรื่องราว และประสบการณ์เดินทางรอบโลกของเชฟทั้ง 2 ท่านที่จะแฝงอยู่ในอาหาร 5-คอร์สนี้ ภายใต้คอนเซป “Borderless Flavours” เริ่มต้นคอร์สด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยจากเชฟจิมมี่กับเมนู Tiradito อาหารสัญชาติเปรู เนื้อปลาแซลม่อนสดสไลด์บาง ทานคู่กับซอสรสเปรี้ยว แซมด้วยพริกเจลาปิโน และซอสส้มรสเผ็ด ตัดรสชาติด้วยข้าวโพดย่างรสหวาน ต่อด้วยสลัดเป็ดสไตล์ “Chino-Latino” ที่จะบอกเล่าเรื่องราวความเชื่อมต่อของอาหารสไตล์ละติน และอาหารจีน ด้วยการปรุงเมนูเป็ดใน 2 สไตล์ ผักร็อคเก็ต ลูกพรุน ลูกแพร ถั่ววอลนัท และซอสฮอยซินของจีน ปิดท้ายด้วยช็อกโกแลตเชฟวิ่ง ที่จะทำเมนูนี้ให้เหมือนกับซอสดั่งเดิมของเม็กซิกันอย่าง “Mole Poblano” ต่อด้วยอาหารโดยเชฟอลัน บีฉวง ที่จะเสิร์ฟอาหารจีนมาในสไตล์โมเดิร์นในแบบฉบับของเชฟ เริ่มด้วยซี่โครงหมูนำไปคาราเมลไลซ์ ทานคู่กับถั่วลิสง และเซเลอรี่ฝานจนบาง สำหรับอาหารจานหลัก สามารถเลือกได้ระหว่างปลาหิมะอบ เสิร์ฟคู่กับซอสซาชา ซึ่งเป็นเมนูที่เราต่างคุ้นเคยของอาหารจีน แต่ขั้นตอนการทำในสไตล์ตะวันตก หรือเมนูเนื้อริบอายย่าง เสิร์ฟพร้อมซอสพริกฮวาเจียว รสชาติเผ็ดเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ผสมผสานกับบีฟจูส์ และไวน์แดง ตบท้ายด้วยเมนูของหวานจากฝีมือเชฟทั้ง 2 ท่าน ด้วยการผสมผสานโรลงาดำ สไตล์ฮ่องกง ทานคู่กับแทนเจอรีน เคิร์ด เมนูซิกเนเจอร์ของห้องอาหาร ชาร์ ผสมผสานรสชาติเปรี้ยว และหวานได้อย่างลงตัว เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การทานอาหาร 4 Hands Dinner เซต 5-คอร์ส ในราคา 3,500++ บาทสำหรับ 2 ท่าน…

Read More

โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ขอเชิญทุกท่านร่วมฉลองวันสตรีสากล 2567 กับงาน Women in Hospitality เพื่อร่วมสนับสนุนสตรีในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ – 8 มีนาคม 2567 โดยจะนำเงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจำนวน 30 % บริจาคให้แก่ มูลนิธิบ้านกึ่งวิถีหญิง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ร่วมฉลองวันสตรีสากล พบการรวมตัวกันของบาร์เทนเดอร์หญิงชั้นนำจากหลากหลายประเทศในเอเชียที่จะผลัดเปลี่ยนกันมาประจำที่บาร์ และอีกหนึ่งไฮไลท์ในการฉลองในครั้งนี้ คือ Women In Gastronomy มื้ออาหารค่ำสุดพิเศษจากเชฟหญิงมากฝีมือ 4 ท่าน ระดับมิชลินสตาร์ ที่มาร่วมกันรังสรรค์เมนูสุดพิเศษ บนเรือแซฟฟรอน ครูซ  เรืออันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 มีนาคม 2567 ซึ่งทุกท่านจะได้ลิ้มรสฝีมืออาหารจากเชฟซากิ (Chef Saki) เชฟมิสลินหนึ่งดาว จากร้านนาวา (Nawa) เชฟส้ม     เซเลบริตี้เชฟจากร้าน Som’s Table เชฟซาช่า (Chef Sasha) จากร้านไฮบริด (Hybrid) และเชฟเรณู (Renu) ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของห้องอาหารไทยแซฟฟรอน ห้องอาหารไทยซิกเนเจอร์ ของโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ  มื้ออาหารค่ำ 8 คอร์ส (Tasting menu) จะเสิรฟ์คู่กับสาเก ที่คัดสรรค์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสาเก (Sake Expert) นาโอโกะ (Naoko) จาก บีบี แอนด์ บี (BB&B) เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหาร นอกจากประสบการณ์ด้านอาหารแล้วนั้น ในงาน Women in Hospitality 2567 นี้ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ขอนำเสนอ Women in Mixology ที่บาร์เทนเดอร์หญิงจากบาร์ชั้นนำทั่วภูมิภาคเอเชีย จะมาวาดลวดลายและโชว์ฝีมือการทำเครื่องดื่มเมนูพิเศษที่มูนบาร์ บนรูฟท๊อปชั้น 61 ระหว่างวันที่ 1-8 มีนาคม 2567 เริ่มต้นด้วย ชาตาบี บาซู (Shatabi Basu)  บาร์เทนเดอร์หญิงคนแรกของอินเดีย ที่จะมาสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มค็อกเทลไม่เหมือนใคร ตามด้วยค่ำคืนกับไวน์ เพนโฟลด์ (Penfolds) ในวันที่ 2 มีนาคม พร้อมเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงจากดีเจหญิงที่จะมาสร้างความบันเทิงตลอดค่ำคืน โดยตลอด 8 วัน ท่านจะได้พบกับไลน์อัพบาร์เทนเดอร์หญิงชั้นนำมากมาย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองวันสตรีสากล สนับสนุนสตรีในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ณ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ 0 2679 1200 หรือ [email protected] ดาวน์โหลดรูปและข้อมูล: Women in Hospitality 2024 รายละเอียดงาน : https://bit.ly/WomenInHospitality2024 ไลน์อัพ • 29 กุมภาพันธ์ —Masterclass จาก ชาตาบี บาซู (Shatabi Basu) ที่ เวอร์ทิโก้ ทู โดย Spirit of Asia • 1 มีนาคม — ชาตาบี บาซู (Shatabi Basu) ที่ มูนบาร์ โดย Inspirador • 2 มีนาคม — ไวน์ เพนโฟลด์ (Penfolds) ที่ แซฟฟรอน สกาย การ์เด้น • 3 มีนาคม — โมอาร์ ชัดชา (Moa Chadcha) ที่ มูนบาร์ โดย Jameson • 4 มีนาคม — น้ำ เสาวนีย์ (Nam Saowanee) ที่ มูนบาร์ โดย EcoSpirits • 5 มีนาคม — พี หลิว (Pei…

Read More

โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ จับมือพาร์ทเนอร์กับ ‘คิรินาทู’แบรนด์น้ำหอมไทยสัญชาติฝรั่งเศสจะมาสร้างประสบการณ์การรับประทานอาฟเตอร์นูนทีแบบแปลกใหม่ไม่เหมือนใครกับชุด ‘คิรินาทู อาฟเตอร์นูนที’ออกแบบโดยเชฟแฟรงส์ อิสเทลและคิรินาทู ที่จะพาทุกท่านเพลิดเพลินไปกับความสวยงามผ่านสัมผัสทั้งห้า ได้แก่รูปลักษณ์ ผิวและรสสัมผัส เสียง และกลิ่นหอมหวานของน้ำหอม (Eau de toilette) จากแบรนด์คิรินาทูที่ออกแบบให้กับโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ แห่งเดียวเท่านั้นดื่มด่ำกับไปกับความเอร็ดอร่อยหอมหวานของชุดอาฟเตอร์นูนทีสไตล์ฝรั่งเศสเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของเชฟแฟรงส์ที่ต้องการนำเสนอการรับประทานพร้อมเพรียงกับการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าไปกับอาฟเตอร์นูนทีชุดนี้ได้อย่างลงตัว พร้อมกับชื่นชมน้ำหอมกลิ่น ‘โลตัส เบลอ’ (Lotus Bleu) หรือดอกบัวสีน้ำเงิน ซึ่งถือว่าเป็นดอกบัวที่หาได้ยาก และมีความหมายที่สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่หรือการรู้แจ้ง และเข้าใจตนเองในวัฒนธรรมของชาวตะวันตกซึ่งคิรินาทูได้ทำการออกแบบกลิ่นน้ำหอมนี้อย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอนประสบการณ์การรับประทานชุดน้ำชายามบ่าย ‘คิรินาทู อาฟเตอร์นูนที’ เริ่มต้นด้วยการมาถึงที่ 1897 เลาจน์ที่ประสาทสัมผัสของแขกทุกท่านได้พบกับล็อบบี้ที่สวยงามของโรงแรมฯพร้อมกับการได้ยินเสียงพิณจากมาดามหวังที่จะบรรเลงขับกล่อมให้การมาเยือนของทุกท่านอบอวลไปด้วยความพิเศษในทุกวันอังคาร ถึง วันอาทิตย์จากนั้นเริ่มต้นด้วยเลือกชาจากตัวเลือกชากว่าสิบรายการจากแบรนด์รอนเนอเฟลด์ (Ronnefeldt) โดยคุณกิ่ง นิภาพรหาญวิชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการชงชาของโรงแรมฯเชฟแฟรงส์ต้องการให้ประสาทสัมผัสของท่านตื่นเต้นไปกับการสัมผัสรสชาติและผิวสัมผัสผ่านการรับประทานเมนูอาหารคาวและหวาน นำเสนอผ่านวัตถุดิบหลักหลากชนิดที่ล้วนแล้วแต่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ ‘หญ้าฝรั่น’(ทาร์ตกุ้งเผาซอสหญ้าฝรั่นกระเทียม) ‘ขิง’ (บริยอชทูน่าเจลรสถั่วเหลืองเลมอนและขิงทอด) ‘ลูกแพร์’(เอแคลร์หัวหอมครีมชีส ท็อปด้วยลูกแพร์โรสแมรี) ‘คาราเมล’ (ครัวซองก์แซลมอนรมควันน้าปลาคาราเมล) และ‘รัม’ (เป็ดหมักเหล้ารัม ราดด้วยเจลเชอร์รี่พริกไทยดำ) จากนั้นรับประทานสโคนสามรสชาติ ได้แก่ วนิลลา มะกรูดและหญ้าฝรั่น เสิร์ฟพร้อมกับแยมสตรอว์เบอร์รี่สไตล์โฮมเมด ให้รสชาติหวานสดชื่นหรือเลือกรับประทานคู่กับเคิร์ดรสเลมอน และคล็อตเต็ดครีมสูตรอังกฤษยอดนิยม นำเสนอขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสจำนวนห้าชนิดผ่านรูปลักษณ์ที่ทันสมัยแต่ละชิ้นได้รับการออกแบบอย่างปราณีตตามแบบฉบับการทำขนมแบบฝรั่งเศสซึ่งแน่นอนว่าเชฟแฟรงส์ยังคงให้ความสำคัญกับวัตถุดิบหลักห้าชนิดที่มีกลิ่นหอมเช่นเคย ได้แก่ ‘เชอร์รี่’(มินิเค้กเชอร์รี่แบบฝรั่งเศส) ‘แอปเปิ้ล’ (ทาร์ตคุ้กกี้แอปเปิ้ลครีม) ‘แอพริคอต’ (โอเปร่าเค้กรสแอพริคอตและเลมอน)‘มะเดื่อฝรั่งเศส’ (เครปสไตล์ฝรั่งเศสไส้แยมมะเดื่อ) และ ‘เบอร์รี่ป่า’(เค้กช็อกโกแลตเบอร์รี่ป่ากับวนิลลาครีมรมควัน) ปิดท้ายด้วยแครมบรูว์เลรสเชอร์รี่ นำเสนอคำว่า ‘Cerise’ที่มีความหมายว่าแบ่งปันในภาษาฝรั่งเศส หรือ ‘Sharing’ ในภาษาอังกฤษที่เชฟแฟรงส์ต้องการที่จะสื่อความหมายว่าการแบ่งปันความสุขย่อมเป็นความสุขอีกแบบหนึ่งเช่นกันชุดน้ำชายามบ่าย ‘คิรินาทู อาฟเตอร์นูนที’ ให้บริการทุกวันตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 เวลา13.00 ถึง 17.00 น. ณ 1897 เลาจน์ บริเวณชั้นล็อบบี้ของโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ในราคา 1,590++บาทต่อเซ็ต รวมเครื่องดื่มชารอนเนอเฟลด์ (Ronnefeldt) หรือเลือกรับกาแฟสำหรับหนึ่งท่าน นอกจากนี้แขกทุกท่านที่มารับประทานชุดน้ำชาจะได้รับของที่ระลึกเป็นขวดน้ำหอมกลิ่น ‘โลตัส เบลอ’ แบบพกพาขนาด…

Read More